ในงานแถลงผลประกอบการของ Facebook ไตรมาสที่ 4 ของปี 2013 ที่ผ่านมา Mark Zuckerberg Founder ของ Facebook ได้เปิดเผยความคิดเห็นที่น่าตกใจอย่างหนึ่งคือ
“ถีงที่สุดแล้ว Facebook จะกลายเป็นคู่ปรับของ Google ในฐานะ Search Engine”
ซึ่งแน่นอนว่า ใครที่ฟังก็คงคิดเหมือนกันว่า “พี่เมาหรือเปล่าครัฟ?” เพราะว่าในตอนนี้ Facebook ยังไม่มีอะไรเลย ที่จะไปตบตีกับ Google ได้ในฐานะ Search Engine ได้เลย เพราะ Facebook เป็น Social Network ซึ่งคนละเรื่องกับ Search Engine เลยด้วยซ้ำ ขนาดเวลาค้นหาอะไรใน Facebook ยังใช้ Bing เลย อีกทั้ง โลกเรานี้มี Google เป็น Search Engine หลัก กินส่วนแบ่งในตลาดเกือบทั้งหมด Bing กับ Yahoo ที่พยายามต่อกร ก็ยังแย่งส่วนแบ่งมาได้เสี้ยวเดียว เอง แล้ว พี่ Mark เอาอะไรไปมั่นใจขนาดนั้นครัฟ?
แต่ทว่า Mark ได้เปิดเผยถึงความเป็นไปได้สามประการ
- Facebook มี index ของข้อมูลจำนวนมหาศาลอยู่ในมือ แน่นอนว่า เป็นของตัวเองด้วย ไม่ใช่ของคนอื่น ไม่ต้องไปค้น ไม่ต้องไปหา ผิดกับ Search Engine เจ้าอื่น ๆ
- ระบบค้นหาของ Facebook นั้นสามารถค้นหาผ่าน Graph Search และ Facebook Search Engine ได้
- ความสามารถสุดท้ายของ Facebook นั้น จะใช้งานใน Mobile Device ผู้ใช้งานสามารถ ถามปัญหาเพื่อให้ Facebook หาวิธีแก้ปัญหาได้ด้วยระบบเสียง
เพียงแต่ว่า เป้าหมายนี้ต้องใช้เวลาอีกสิบปีถึงจะทำสำเร็จ
Mark ได้เปรียบเทียบว่า Graph Search ของ Facebook นั้นต่างกับ Google Search อย่างมาก ตัว Graph search นั้น อบอุ่น เป็นกันเองกว่าเยอะยิ่งเวลาใช้งานนะ Google จะให้ผลลัพธ์ ที่แข็งกระโด้กตรงกับ Keyword แบบเป๊ะ ๆ ไม่มี ศิลปะเอาเสียเลย แต่ Graph Search นั้น สามารถช่วยในการหาคำตอบที่ไม่ได้มีคำตอบตายตัวอย่าง คำถามปลายเปิดได้ด้วยซ้ำไป เช่น “ร้านอาหารไหนที่เพื่อน ๆ ฉันชอบมาที่สุด”
หากมองย้อนไป จะพบว่า ตอนที่ Graph Search ของ Facebook เปิดให้ใช้งานนั้น มี Index วิ่งเข้าฐานข้อมูลนับล้าน ๆ เลยด้วยซ้ำไปเมื่อถึงที่สุดแล้ว Graph Search ต้องมี ฐานข้อมูลที่ใหญ่กว่า Google อย่างแน่นอน
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ Mark ไม่ได้ใช้คำว่า Search Engine ให้กับ อนาคตของ Facebook เขาใช้คำว่า Web Search Engine ซึ่งต่างกับ Google ที่เป็น Search Engine อย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่า เป็นคู่แข่งที่อยู่ในสนามเดียวกัน ใช้อาวุธคล้าย ๆ กัน หวังผลเดียวกัน แต่ ต่างกันนั่นเอง
ลองนึกภาพเป็น Google ที่ใช้หน้าไม้ ยิงง่าย ๆ เร็ว ๆ เดินเก็บลูกศรที่ยิงไปแล้ว หรือ ลูกศรของคนอื่น แล้วค่อย ๆ โตขึ้น ยิงเร็วขึ้น มีลูกศรในมือมากขึ้น ส่วน Facebook ผู้ใช้ธนู ยิงช้ากว่าหน่อย แต่รัศมียิงกว้างกว่า ลงสนามช้ากว่า เพราะตัวแต่ทำลูกศรจำนวนมากอยู่นั่นเอง
ได้ไม่ได้ต้องรอดูกัน ว่าเป้าหมายใหม่พร้อมเริ่มทศวรรษใหม่ของเฟซบุ๊กนั้นจะประสบความสำเร็จแค่ไหน (เฟซบุ๊กครบรอบ 10 ปีไปเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2014 นี่เอง) หลังจากที่ผ่านมานักวิเคราะห์ต่างฟันธงว่าเฟซบุ๊กกำลังเข้าสู่ขาลง วัยรุ่นเล่นน้อยลงเรื่อยๆ แต่ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 4 ที่เพิ่งผ่านมา เฟซบุ๊กบอกว่ามีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวันถึง 757 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22% และผู้ใช้งานผ่านมือถือก็เพิ่มขึ้น 39%
ในส่วนของรายได้ก็เพิ่มขึ้น 63% โดยรายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้นถึง 76% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว คิดสัดส่วนรายได้จากโฆษณาบนมือถือถึง 53% แซงหน้าโฆษณาบนหน้าเว็บไปแล้ว ฟันกำไรสุทธิไป 523 ล้านเหรียญ เรียกว่าหักปากกาเซียน และเฟซบุ๊กดิ้นรนอย่างมากไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่นักวิเคราะห์ว่าขึ้น
ที่มา beartai